วันอังคารที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2557

รำศุภลักษณ์อุ้มสม

นาฏศิลป์ไทย
คณะศิลปศึกษา สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ พ.ศ. 2550
รำศุภลักษณ์อุ้มสม

 รูปแบบของการแสดงละครใน
 รำศุภลักษณ์อุ้มสม
 เทคนิคและกระบวนการรำ

รำศุภลักษณ์อุ้มสม

      ศุภลักษณ์อุ้มสมเป็นการแสดงชุดหนึ่งอยู่ในละครในเรื่องอุณรุท ซึ่งเป็นพระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก โดยบทละครในเรื่องอุณรุทนี้ กรมศิลปากรได้ให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบชำระและได้จัดพิมพ์เป็นครั้งแรกในงานพระราชทานเพลิงศพ พลตรีหม่อมเจ้าฉัตรมงคล โสณกุล เมื่อ พ.ศ.2508

ที่มาของบทละครเรื่องอุณรุท นายธนิต อยู่โพธิ์ อดีตอธิบดีกรมศิลปากรได้กล่าวไว้ว่า เรื่องอุณรุท ปรากฎว่ารู้จักกันดีมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา แต่ที่เป็นที่รู้จักกันทั่วไปคือปรากฎเป็นวรรณคดีเรื่องสำคัญคือ " อนิรุทธคำฉันท์ " ของศรีปราชญ์ ในรัชกาลสมเด็จพระนารายณ์มหาราชซึ่งเนื้อเรื่องตลอดจนชื่อคน และสถานที่ในอนิรุทธคำฉันท์ มักกล่าวถึงตรงกันกับที่ปรากฎในคัมภีร์วิษณุปุราณะ ดังข้อความตอนหนึ่งมีว่า

" อุษา ธิดาของพาณะ ได้เห็นพระแม่เจ้าบารพตี กำลังสำเริงกรีฑาอยู่กับพระสัมพุผู้พระมหาสวามี ก็ดลใจให้นางปรารถนากระทำเช่นนั้นบ้าง พระแม่เจ้าเคารีผู้ทรงโฉม ซึ่งทรงทราบวาระน้ำจิตของปวงประชาสัตว์ จึงตรัสแก่อุษาว่า " อย่าเสียใจ เธอจะมีสามี " อุษารำพึงกับตนเองว่า " แล้วเมื่อไหร่จะมี ผู้ใดหนอจะมาเป็นสามีของเรา " พระแม่เจ้าจึงตรัสต่อไปว่า " ผู้ใดปรากฎแก่เจ้าในความฝัน ณ วันขึ้น 12 ค่ำ แห่งเดือนไพศาข เขาผู้นั้นแหละจะเป็นสามีของเจ้า " เหตุนี้ครั้นถึงวันตามที่พระแม่เจ้าทรงพยากรณ์ไว้หนุ่มน้อย ผู้หนึ่งก็ปรากฎในสุบินนิมิตรของนางอุษา ซึ่งเธอรักใคร่ใฝ่ฝัน ครั้นเธอตื่นขึ้นภายในสุบินนิมิตรก็อันตรธานไปไม่เห็นหนุ่มน้อยผู้นั้น เธอจึงเศร้าโศกเสียใจไม่สามารถระงับไว้ได้ พร่ำบ่นถึงใคร่จะไปได้อยู่ร่วมกับบุคคลที่เธอเห็นในความฝันนั้น อุษามีเพื่อนหญิงคนหนึ่งชื่อว่า จิตรเลขา ธิดาของกุมภาณฑ์ผู้เป็นเสนาบดีของพาณะ จิตรเลขาถามอุษาว่าบ่นถึงใคร เธอได้สติรู้สึกตัวก็มีความละอายจึงนิ่งเสีย อย่างไรก็ดีเมื่อนางจิตรเลขาเฝ้าปลอบโยนให้เชื่อใจแล้วซักถามอยู่เป็นเวลานาน อุษาก็ได้เล่าเรื่องซึ่งได้เกิดขึ้นกับตน และเล่าคำที่พระแม่เจ้าบารพตีทรงพยากรณ์ไว้ให้จิตรเลขาฟัง ครั้นแล้วก็วิงวอนเพื่อนให้ช่วยหาวิธีได้อยู่ร่วมกับบุคคลที่เธอได้เห็นในความฝัน แต่ไม่ทราบว่าเป็นใครนั้น จิตรเลขาจึงวาดรูปของบรรดาเทวดา ผู้มีมหิทธิฤทธิ์ วาดรูปของพวกแพตย์ คนธรรพ์ และมวลมนุษย์ที่มีฤทธิ์ยิ่งใหญ่แล้วนำมาให้ดู อุษาก็ปัดรูปเทวดา คนธรรพ์ และอสูรเหล่านั้นทิ้งเสีย เลือกไว้แต่รูปมนุษย์ ครั้นเธอได้เห็นรูปของพระกฤษณ์และพระราม ซึ่งละม้ายคล้ายหนุ่มน้อยที่ปรากฎในความฝันก็รู้สึกละอาย พอมาถึงรูปพระปรัทยุมน์เธอก็ชะม้อยชายตาเมินไป แต่พอเธอได้เห็นรูปโอรสของพระปรัทยุมน์ ดวงตาทั้งสองของเธอก็เบิกกว้าง ความขวยเขินสะเทิ้นใจหายไปหมด ร้องบอกแก่จิตรเลขาว่า "คนนี้ คนนี้ " สหายของเธอจึงบอกอุษาให้ยิ้มแย้มแจ่มใสได้แล้วจิตรเลขาก็เหาะไปยังกรุงทวารกา นำเอาพระอนิรุทธมายังปราสาทของนางอุษา

ข้อความข้างต้นเป็นตอนหนึ่งที่กล่าวไว้ในคัมภีร์วิษณุปุราณะ ( พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก, 2515 ) จิตรเลขาในคัมภีร์วิษณุปุราณะ ในอนิรุทธคำฉันท์ เรียกว่า พิจิตรเลขา แต่ในบทละครเรื่องอุณรุทเรียกชื่อไปอีกอย่างหนึ่งว่า ศุภลักษณ์ และว่าศุภลักษณ์เป็นชื่อของนางพระพี่เลี้ยงคนหนึ่งในพระพี่เลี้ยงทั้งห้าของนางอุษา นางเอกในบทละครเรื่องอุณรุท

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น